ผมแน่ใจว่าคุณตามอ่านข้อมูลหรือสรุปจากงาน event ของ Apple ที่จัดขึ้นใน California เช้านี้ที่อเมริกาได้จากมากมายหลายที่ เพราะฉะนั้นผมจะไม่พยายามเป็นอีกคนที่ยัดข้อมูลนี้ให้กับคุณ
แต่จะขอคิดไปอีกขั้นว่า…จากสิ่งที่ถูก present ในงาน มันมีแง่คิดอะไรอยู่เบื้องหลังเบื้องลึกของสิ่งที่ Apple นำเสนอมาทั้งหมดในค่ำคืนนี้
ซึ่งจะเริ่มจากตรงนี้ เป็นต้นไป
- Apple TV ราคาถูกลง และการเปิดตัว HBO Now ไม่ได้ทำอะไรให้วงการทีวีหรือโลกนี้ดีขึ้น ตอน Xiaomi เปิดตัว Mi TV เมื่อปีที่แล้วยังน่าตื่นเต้นซะกว่า
- การเกิดขึ้นของ ResearchKit สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับผมในคืนนี้ เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ชัดเจนแล้วว่า Apple จะเข้ามาเป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจสุขภาพ ซึ่งมีแต่โตกับโตไปกับโลกที่กำลังมีจำนวนผู้สูงอายุมากขึ้นไปเรื่อยๆไปอีก 30-40 ปี
นั่นค่อนข้างการันตีอนาคตของ Apple ไปอีกนานพอสมควรว่ามันจะไม่เจ๊ง
- ที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้นคือการมาถึงของ ResearchKit นั้น…จากเดิมที่ต้องรอนานเป็นเดือนหรือแรมปีถึงจะสามารถเก็บข้อมูลจากผู้เข้าร่วมการวิจัยทางการแพทย์ได้ กว่าจะจบการวิจัยในบางครั้ง แพทย์เจ้าของโปรเจคอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อค้นพบวิธีการรักษาโรคร้ายสักโรคหนึ่ง พอมี ResearchKit น่าจะทำให้การวิจัยทางการแพทย์เร็วขึ้นหลายสิบเท่า ด้วยการใช้ iDevice ทั้งหลายที่อุตส่าห์สร้าง empire กันมานาน รวมไปถึง Apple Watch เป็นเครื่องเก็บข้อมูลสุขภาพของผู้เข้ารับการวิจัยได้ตลอดเวลา แถมส่งตรงถึงคุณหมอผู้ดำเนินการวิจัยได้แทบจะทันที แก้ปัญหาใหญ่หลวงนับร้อยปีในโลกการแพทย์ได้ด้วยเทคโนโลยี ผมคาดว่านี่จะทำให้นวัตกรรมทางการแพทย์เกิดได้ไว้ขึ้นกว่าเดิมนับร้อยเท่า หาวิธีการรักษาโรคได้ไวขึ้น…ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้มากขึ้น…ขอบคุณครับ Apple
- Laptop ที่บางเป็นบ้าและหนักแค่ 907 กรัม กำลังบอกเราว่า Apple จะยังยืนหยัดทำตลาดสินค้าที่หลายๆคนอาจถอดใจแล้วเพราะมองว่าตลาดมีแต่จะเล็กลง ด้วยการทำให้แต่ละส่วนประกอบดีขึ้นอีกขั้นแค่นั้นเลย เพียงพอจะทำให้ Macbook ยังมีอัตราการเติบโต 21% ในปีที่ผ่านมาได้ สอนให้ Dell, HP, Lenovo ได้รู้อย่างจังว่า “You are looooooooooooser”
- Apple ทำตัวเป็นผู้จำหน่ายนาฬิกาหรูอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ด้วย Apple Watch
- Apple Watch ไม่ทำให้ผมตื่นเต้นใดๆทั้งสิ้น เพราะของดีทั้งหมดทั้งมวลล้วนมาจาก App ซึ่งแยกออกได้เป็น 2 ส่วน
- ส่วนแรก คือ App ภายใน Apple Ecosystem ที่พยายามสร้างกันมานานแต่ไม่สำเร็จซะที ทั้ง Siri, Apple Map, Passbook ที่จะทำให้ Apple Watch ทำอะไรเจ๋งๆได้…แต่ถามจริงๆเถอะ ระหว่าง Apple Map กับ Google Maps คุณใช้อะไรในชีวิตประจำวัน?
- ส่วนสอง คือ App จาก developer ทั้งหลาย ซึ่งในเมื่อเขาทำ app ให้ Apple Watch ได้…อีกไม่นานจะไปโผล่ใน Android Wear และ Pebble ไม่ได้เชียวเหรอ??
- มันจะไม่ขายกระจายสร้างปรากฎการณ์อะไรแบบที่ iPhone และ iPad เคยสร้าง landmark กันมา เพราะไม่ใช่คนทุกคนที่ชอบใส่นาฬิกา ยินดีจ่ายเงินจำนวนมากให้กับมัน และมันไม่ได้เปลี่ยนโลกหรือทำให้โลกนี้ดีขึ้นแต่ประการใด
- แล้วผมก็ไปซื้อ Pebble Time ดีกว่า…55555
มาถึงตรงนี้ ผมประทับใจแค่ 1 ใน 4 หัวข้อการนำเสนอหลักจากงานครั้งนี้เท่านั้น มันยืนยันความคิดเดิมที่ผมมีต่อ Apple ว่า…”It will never be the same without Mr.Jobs”